เทคนิคการค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต
การค้นหาด้วยคำหรือวลีที่กำหนดขึ้นมา เพื่อใช้แทนเรื่องที่ต้องการค้นหา โดยทั่วไปคำสำคัญจะมีลักษณะที่สั้น
กะทัดรัด ได้ใจความ มีความหมาย ระบบจะทำการค้นหาคำที่ปรากฏอยู่ในชื่อเรื่อง
ไม่ว่าจะอยู่ต้นเรื่อง กลางเรื่องหรือท้ายเรื่อง เช่น รายงานการวิจัย เรื่อง
การปรับปรุงคุณภาพและการเพิ่มผลผลิตข้าวหอมมะลิที่มีความสามารถในการทนแล้งโดยการใช้เทคโนโลยีชีวภาพและพันธุวิศวกรรม ผู้ค้นจะต้องดึงคำสำคัญที่อยู่ในชื่อเรื่องออกมาเพื่อใช้ค้นหาจากชื่อเรื่องดังกล่าว
พบว่า มี Keyword หลักๆ อยู่ 3 คำ ด้วยกัน คือ
ข้าวหอมมะลิ, เทคโนโลยีชีวภาพและพันธุวิศวกรรม
การกำหนดหัวข้อที่ต้องการ
เป็นเทคนิคที่ใช้ในการกำหนดหรือระบุหัวเรื่องของข้อทูลที่เราต้องการ
ซึ่งข้อมูลที่ได้ก็จะมีเนื้อหาที่อยู่ในขอบเขตของหัวข้อที่เรากำหนด เช่น
ต้องการค้นหาข้อมูลโครงงานที่เกี่ยวกับวิธีการลดปริมาณขยะ ก็ทำการกำหนดหัวข้อโดยใช้คำว่า : โครงงานเรื่อง วิธีการลดปริมาณขยะ ผ่านอินเทอร์เน็ต
การค้นหาแบบขั้นสูง (Advanced Search) เป็นการค้นหาที่ซับซ้อนมากกว่าแบบพื้นฐาน
ซึ่งมีเทคนิคหรือรูปแบบการค้นที่จะช่วยให้ผู้ค้นสามารถจำกัดขอบเขตการค้นหาหรือค้นแบบเจาะจงได้มากขึ้น
เพื่อให้สามารถค้นหาข้อมูลได้ที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด
การสืบค้นข้อมูลโดยใช้ตรรกบูลีน (Boolean Logic) หรือ การค้นหาโดยใช้ตัวดำเนินการตรรกะ ( Logic
Operators ) ค้นหาโดยใช้คำเชื่อม 3 ตัว คือ AND,
OR, NOT เพื่อช่วยกำหนดขอบเขตคำค้นที่ต้องการให้แคบลงหรือกว้างขึ้น ดังนี้
1. AND (และ) ใช้เชื่อมคำค้นเพื่อจำกัดหรือลดขอบเขตการค้นหาให้แคบลง
ระบบจะสืบค้นเฉพาะเอกสารที่มีคำแรกและคำที่สอง
ตัวอย่างการใช้
รูปแบบการใช้งาน : สัตว์เลี้ยง AND แมวผลลัพธ์ที่ต้องการ : ข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงที่เป็นแมว
อธิบาย : ผลลัพธ์จากการค้นหาจะแสดงเว็บเพจที่ต้องมีคำทั้งสองคำ คือ สัตว์เลี้ยง และ แมว อยู่ภายในเว็บเพจเดียวกัน
2. OR (หรือ) ใช้เชื่อมคำค้นเพื่อขยายขอบเขตให้กว้างขึ้น ระบบจะสืบค้นเอกสารทั้งหมดที่มีคำแรกและคำที่สอง
หรือมีคำใดคำหนึ่งปรากฏอยู่
ตัวอย่างการใช้
รูปแบบการใช้งาน : ส้มตำไทย OR
ส้มตำปูปลาร้าผลลัพธ์ที่ต้องการ : ข้อมูลเกี่ยวกับส้มตำไทย หรือ ส้มตำปูปลาร้า
อธิบาย : ผลลัพธ์จากการค้นหาจะแสดงเว็บเพจที่มีคำทั้งสองคำหรือคำใดคำหนึ่งปรากฏอยู่ก็ได้
3. NOT (ไม่) ใช้เชื่อมคำค้นเพื่อจำกัดขอบเขตให้แคบลง ระบบจะสืบค้นเอกสารที่มีเพียงคำแรกเท่านั้น
ตัวอย่างการใช้
รูปแบบการใช้งาน : สัตว์เลี้ยง NOT
แมวผลลัพธ์ที่ต้องการ : ข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ไม่เอาข้อมูลเกี่ยวกับแมว
อธิบาย : ผลลัพธ์จากการค้นหาจะแสดงเว็บเพจที่แสดงผลลัพธ์สัตว์เลี้ยงต่างๆ ยกเว้นแมว
วิธีการค้นหาข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ
1. บีบประเด็นให้แคบลง
2. การใช้คำที่ใกล้เคียง
3. การใช้คำหลัก (Keyword)
4. หลีกเลี่ยงการใช้ตัวเลข
5. ใช้เครื่องหมายบวกและลบช่วย
เครื่องหมายบวก
"+" ต้องใช้ติดกับคำหลักเสมอ ห้ามมีช่องว่างระหว่างเครื่องหมายบวกกับคำหลัก เช่น +เศรษฐกิจ+การเมือง
หมายถึง หน้าเว็บเพจที่พบจะต้องปรากฏคำว่า "เศรษฐกิจ" และ "การเมือง" อยู่ในหน้าเดียวกันทั้งสองคำหรือ
+เศรษฐกิจ การเมือง สังเกตเห็นที่คำว่า
"การเมือง" ไม่ปรากฏเครื่องหมายบวก
"+" อยู่ข้างหน้า เหมือนตัวอย่างบน
หมายถึง การค้นหาหน้าเอกสารเว็บเพจที่จะต้องปรากฏคำว่า "เศรษฐกิจ"
ในหน้าเอกสารนั้นอาจจะปรากฏหรือไม่ปรากฏคำว่า "การเมือง"
ก็ได้
เครื่องหมายลบ "-"
หมายถึง เป็นการระบุให้ผลลัพธ์ของการค้นหาต้องไม่ปรากฏคำนั้น
อยู่หน้าเว็บเพจ เช่น โรงแรม -รีสอร์ท หมายถึง หน้าเว็บเพจนั้นต้องมีคำว่า โรงแรม
แต่ต้องไม่ปรากฏคำว่า รีสอร์ท
อยู่โดยการใช้งานต้องอยู่ในรูปของ A -B หรือ +A -B โดย
A และ B เป็นคำหลักที่ต้องการค้นหา
ตัวอย่าง +มะม่วง
-มะม่วงอกร่อง -มะม่วงน้ำดอกไม้
หมายถึง หน้าเว็บเพจที่พบจะต้องปรากฏคำว่า
"มะม่วง" แต่ต้องไม่ปรากฏคำว่า
"มะม่วงอกร่อง" และ
"มะม่วงน้ำดอกไม้" อยู่ในหน้าเดียวกัน
6.
หลีกเลี่ยงภาษาพูด หลีกเลี่ยงคำประเภท
Natural Language หรือเรียกง่ายๆ ว่า คำหรือข้อความที่เป็นภาษาพูด หรือเป็นประโยค
ควรสรุปเป็นเพียงกลุ่มคำหรือวลี ที่มีความหมายรวมทั้งหมดไว้
7.
Advanced Search ช่วยในการบีบประเด็นหัวข้อให้แคบลง ทำให้ได้รายชื่อเว็บไซต์ที่ตรงกับความต้องการของมากขึ้น
8.
Help แต่ละเว็บ จะมี
ปุ่ม help หรือ
Site map ไว้คอยช่วยเหลือ แต่คนส่วนใหญ่มักจะมองข้าม
ซึ่ง help/site map จะมีประโยชน์มากในการอธิบาย
option หรือการใช้งาน/แผนผังปลีกย่อยของแต่ละเว็บไซต์
9. การใช้เครื่องหมาย “____” เพื่อค้นหาแบบรวมคำ การค้นหาแบบหลายคำนั้น google จะไม่ได้ค้นหาคำแบบเรียงติดกัน แต่จะเป็นการแยกการค้นหาแต่ละคำ โดยที่คำอาจไม่ได้เรียงติดกัน หากต้องการผลลัพธ์แบบเรียงคำทั้งสองอยู่ติดกัน ควรใช้เครื่องหมาย “____” ให้คำที่ต้องการให้ค้นหาแบบทั้งวลีอยู่ภายใต้เครื่องหมาย
การตัดปลายคำและการแทนคำ (Trucation)
เป็นการค้นคำเดียวแทนอื่นทุกคำที่มีรากศัพท์เดียวกัน
เพื่อรวบรวมคำที่มีการสะกดที่ใกล้เคียงกันหรือเหมือนกัน หรือกรณีที่เป็นเอกพจน์และพหูพจน์
โดยใช้ตัวอักขระแทน (Wildcard) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ เช่น * #
? ! $ เป็นต้น
มักใช้ในการค้นคำภาษาอังกฤษ เช่น
หากต้องการค้นเรื่องเกี่ยวกับเด็ก คำค้นที่ใช้ คือ child*
จะได้คำเกี่ยวกับเด็กทั้งหมด เช่น child children
childhood
หากต้องการค้นเรื่องเกี่ยวกับสตรี คำค้นที่ใช้คือ wom#n
จะได้ทั้งคำว่า woman และ women
เป็นต้น
การตัดปลายคำ ควรระวังไม่ใช้กับคำสั้นเกินไป
เพราะอาจจะได้เรื่องที่ไม่ต้องการออกมาด้วย เช่น คำว่า ban*
จะได้คำว่า ban banana bandit
bank banner เป็นต้น
ซึ่งคำเหล่านี้ไม่สัมพันธ์กันเลย
การใช้เครื่องหมายวงเล็บ เพื่อครอบคลุมในแต่ละส่วนคำสั่งข้อมูลที่ต้องการค้น
มักใช้ร่วมกับตรรกบูลีน เพื่อแบ่งคำสั่งบูลีนเป็นส่วนๆ เช่น (television or mass media and
children) หมายถึง
ต้องการข้อมูลเกี่ยวกับเด็ก
โทรทัศน์ และเด็กกับสื่อมวลชน
เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น