การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมี 2 รูปแบบ
1.
การเชื่อมต่อแบบใช้สายสัญญาน (Wire Internet)
1.1
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตรายบุคคล (Individual
Connection) คือ
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจากที่บ้าน
(Home
user) ซึ่งยังต้องอาศัยคู่สายโทรศัพท์ในการเข้าสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ผู้ใช้ต้องสมัครเป็นสมาชิกกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตก่อน จากนั้นจะได้เบอร์โทรศัพท์ของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต รหัสผู้ใช้ (User name) และรหัสผ่าน (Password) ผู้ใช้จะเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตได้โดยใช้โมเด็มที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้หมุนไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต จากนั้นจึงสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้
1.2 องค์ประกอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตรายบุคคล
1.2.1
โทรศัพท์ (Telephone)
คือ ระบบโทรคมนาคมซึ่งใช้อุปกรณ์ทางไฟฟ้า
เป็นเครื่องมือสื่อสารให้ ติดต่อพูดถึงกันได้ในระยะไกลโดยใช้สายตัวนำโยงติดต่อถึงกัน
และอาศัยอำนาจแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นหลักสำคัญ1.2.2 คอมพิวเตอร์ (computer) คือ เครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ทำงานแทนมนุษย์ ในด้านการคิดคำนวณและสามารถจำข้อมูล ทั้งตัวเลขและตัวอักษรได้เพื่อการเรียกใช้งานในครั้งต่อไป นอกจากนี้ ยังสามารถจัดการกับสัญลักษณ์ได้ด้วยความเร็วสูง โดยปฏิบัติตามขั้นตอนของโปรแกรม คอมพิวเตอร์ยังมีความสามารถในด้านต่างๆ อีกมาก อาทิเช่น การเปรียบเทียบทางตรรกศาสตร์ การรับส่งข้อมูล การจัดเก็บข้อมูลในตัวเครื่องและสามารถประมวลผลจากข้อมูลต่างๆ ได้
1.2.3 ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) เป็นบริษัทที่ให้คุณสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ ซึ่งปกติมักจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียม วิธีทั่วไปในการเชื่อมต่อกับ ISP คือ การใช้สายโทรศัพท์ (การเรียกผ่านสายโทรศัพท์) หรือการเชื่อมต่อแบบบรอดแบนด์ (สายเคเบิล หรือ DSL) ISP จำนวนมากจะมีบริการเพิ่มเติม เช่น บัญชีอีเมล เว็บเบราว์เซอร์ และเนื้อที่สำหรับการสร้างเว็บไซต์ของคุณ
1.2.4 โมเด็ม (Modem) คือ อุปกรณ์เชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์กับคู่สายโทรศัพท์ โดยการแปลงสัญญาณดิจิตอลของคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณอนาล็อกแล้วส่งไปตามสายโทรศัพท์ และเปลี่ยนจากสัญญาณอนาล็อกที่ได้จากสายโทรศัพท์ให้กลับไปเป็นสัญญาณดิจิตอล เพื่อส่งต่อไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ คำว่า โมเด็ม (Modems) มาจากคำว่า MOdulate + DEModulate คือ กระบวนการแปลงข้อมูลข่าวสารดิจิตอลเป็นอนาล็อก (Modulate) แล้วจึงแปลงสัญญาณกลับเป็นดิจิตอลอีกครั้งหนึ่ง (Demodulate) ชนิดของ MODEM ถ้าแบ่งตามลักษณะการติดตั้งแล้วจะแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ
1. MODEM ชนิดติดตั้งภายนอก ( External Modem ) โดยจะต่อกับ Serial Portโดยใช้หัวต่อที่เป็น DB-25 หรือ DB-9 ต่อกับ Com1, Com2 หรือ USB ข้อดี คือ สามารถเคลื่อนย้ายไปใช้กับเครื่องอื่นได้ ติดตั้งได้ง่าย ไม่เปลือง Slot ไม่เพิ่มความร้อนให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ เนื่องจากติดตั้งอยู่ภายนอกและใช้แหล่งจ่ายไฟภายนอก สามารถใช้งานกับเครื่อง NoteBook ได้เนื่องจาก
ต่อกับ Serial Port หรือ Parallel Port มีไฟแสดง สภาวะการทำงานของโมเด็ม ข้อเสีย ถ้ามี Port ใดชำรุดเสียหาย Port อื่น ๆ ต้องใช้ไฟเลี้ยง
2.
MODEM ชนิดติดตั้งภายใน ( Internal Modem ) เป็นโมเด็มที่มีลักษณะเป็นการ์ดเสียบกับสล็อตของเครื่องอาจจะเป็นแบบ ISA หรือ PCI ติดตั้งยากกว่าแบบภายนอกเนื่องจากติดตั้งภายในเครื่องทำให้ใช้ไฟในเครื่องอันส่งผลให้เพิ่มความร้อนในเครื่อง
เคลื่อนย้ายได้ไม่สะดวกใช้ได้เฉพาะ PC Computer แบบตั้งโต๊ะเท่านั้นไม่สามารถใช้งานกับ
NoteBook ได้
1.2 การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบองค์กร (Corporate
Connection) การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบองค์กรนี้จะพบได้ทั่วไปตามหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน หน่วยงานต่าง ๆ เหล่านี้จะมีเครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network : LAN) เป็นของตัวเอง ซึ่งเครือข่าย LAN นี้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ผ่านสายเช่า (Leased line) ดังนั้น บุคลากรในหน่วยงานจึงสามารถใช้อินเตอร์เน็ต
ได้ตลอดเวลา การใช้อินเทอร์เน็ตผ่านระบบ LAN ไม่มีการสร้างการเชื่อมต่อ(Connection) เหมือนผู้ใช้รายบุคคลที่ยังต้องอาศัยคู่สายโทรศัพท์ในการเข้าสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ต
2.
การเชื่อมต่อแบบไร้สาย (Wireless Internet) มี 2 รูปแบบ
2.1
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบไร้สายผ่านเครื่องโทรศัพท์บ้านเคลื่อนที่ (Corporate Connection) เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค
(Note book) และคอมพิวเตอร์แบบพกพา (Pocket PC) ผู้ใช้จะต้องมีโมเด็มชนิด
PCMCIA ของ PCT ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถใช้อินเทอร์เน็ตแบบไร้สายได้
2.2
การใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือโดยตรง (Mobile
Internet)
WAP (Wireless Application Protocol) เป็นโปรโตคอลมาตรฐานของอุปกรณ์ไร้สายที่ใช้งานบนอินเทอร์เน็ต
ใช้ภาษา WML (Wireless
Markup Language) ในการพัฒนาขึ้นมา แทนการใช้ภาษา HTML (Hypertext
markup Language) ที่พบใน www โทรศัพท์มือถือปัจจุบัน
หลาย ๆ ยี่ห้อ จะสนับสนุนการใช้ WAP เพื่อท่องอินเทอร์เน็ต
ซึ่งมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่ 9.6 kbps
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น